เมื่อคุณต้องการเปลี่ยนโช้คอัพตัวใหม่ สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนคือ ความยาวของโช้คอัพรถยนต์ ทั้งของเดิมและตรวจสอบของใหม่ที่คุณกำลงัจะซื้อ เพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณได้โช้คอัพที่เหมาะกับรถยนต์ และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป สงสัยกันใช่ไหมว่า ทำไมต้อง วัดระยะโช้คอัพ วิธีการวัดคืออะไร สามารถทำเองโดยไม่ต้องจ้างช่างได้หรือดปล่า โปรเฟนเดอร์ มีคำตอบให้คุณแล้ว ตามไปอ่านกันเลย
ทำไมต้อง วัดระยะโช้คอัพ
การวัดระยะโช้คอัพคือ การหาค่าความยาวโช้คอัพที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ เพราะถ้าหากคุณใช้โช้คอัพสั้น หรือยาวเกินไป การยืดหรือยุบตัวของโช้คอัพจะถูกจำกัดไว้ โช้คอัพทำงานได้ไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาคือช่วงล่างกระด้าง ไม่เกาะถนน ช่วงล่างส่งเสียงดัง รวมไปถึงโช้คอัพอาจพังก่อนเวลาอันควร
วิธี วัดระยะโช้คอัพ
วิธีการวัดระยะโช้คอัพทำได้ง่าย ๆ เพียงใช้ตลับเมตร ไม้บรรทัด หรือสายวัดที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำ จากนั้นทำตามขั้นตอน และคำแนะนำดังนี้
- จอดรถนิ่ง ๆ บนพื้นราบ ไม่ต้องยกขึ้นฮ้อย ไม่บรรทุกของหรือบรรทุกคน
- วัดระยะโช้คอัพคู่หน้าและคู่หลังตัวเดิม โดยคู่หน้าและหลังจะมีจุดเริ่มวัดและจุดสิ้นสุดที่ต่างกัน คือ
- โช้คอัพหลัง วัดจากตำแหน่งกลางหูบนถึงกลางหูล่าง
- โช้คอัพหน้า วัดจากตำแหน่งโคลนเดือยน็อตบริเวณหลังแหวนถึงกลางหูล่าง
- บวกระยะยืดยุบของโช้คอัพเพิ่มเขาไป 2-4 นิ้ว ตัวเลขที่ได้นี้จะเป็นความยาวโช้คอัพที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ
วัดระยะโช้คอัพ "ผิด" จะเป็นอย่างไร
หากคุณเลือกระยะโช้คอัพผิดจะส่งผลต่อระยะยืดยุบของแกนโช้คอัพในจังหวัดที่โช้คอัพยืดและยุบตัวเพื่อรับแรงกระแทก โดยอาการหลัก ๆ ที่จะแสดงออกมาให้เห็นมีดังนี้
- ซีล วาล์วโช้คอัพ ปีกนก ลูกหมากแตกและพัง เนื่องจากต้องทำงานหนักมากเกินเพราะระยะโช้คอัพไม่ถูกต้อง
- แกนหูโช้คอัพคด เพราะถูกดึงและกระแทกอย่างรุนแรง
- มีเสียงกระแทก เสียงดังเกิดขึ้นบริเวณช่วงล่างเป็นประจำเนื่องโช้คอัพถูกกระแทกหรือดึงอย่างรุนแรง
- หากระยะยุบไม่พอ กระบอกอัพอาจแตกเนื่องรถกระแทกน้ำหนักลงกระบอกโช้คอัพอย่างรุนแรง
- หากระยะยืดไม่พอ แกนโช้คอัพอาจขาดได้เพราะถูกดึงกระชากตอนโช้คอัพยืดขึ้นอย่างรุนแรง
- ขับขี่รถได้ไม่นิ่มนวล เพราะโช้คอัพทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
สปริง คือ ชิ้นส่วนสำคัญ
นอกจากระยะโช้คอัพที่เหมาะสมแล้ว ค่า สปริงก็ต้องเหมาะสมเช่นกัน เพราะสปริงทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของรถทั้งคัน และรับการสั่นสะเทือนของรถ ซึ่งสปริงจะยืดขึ้นและยุบลงตามแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นเพื่อรักษาสมรรถการขับขี่ให้ดีเยี่ยมในทุก ๆ ด้าน
โช้คอัพและสปริงทำงานร่วมกันอย่างไร
เมื่อเกิดแรงสะเทือนเนื่องจากรถตกหลุม สปริงจะยุบตัวลงตามจังหวะที่ล้อตกลงไปในหลุมนั้นแล้วสปริงจะยืดตัวขึ้นตามแรงดีด จังหวะนี้โช้คอัพจะเข้ามาทำหน้าที่รั้งแรงดีดของสปริงให้ช้าลง ไม่ให้ล้อกระเด้งขึ้นไปชนกับตัวถังรถยนต์จนรถเด้ง สะเทือน หรือโยนตัวไปมา
การเลือกสปริงที่เหมาะสม
สิ่งแรกที่ควรเลือกคือ สปริงที่ค่า K เหมาะสมกับรุ่นรถยนต์และลักษณะการทำงาน ซึ่ง Profender ได้อธิบายเรื่องค่า K ของสปริงเอาไว้ในบทความ สปริงลินเนียร์กับสปริงโปรเกรสซีฟ ซื้ออันไหนดีอย่างละเอียดแล้ว
ส่วนการจะเลือกสปริงลินเนียร์ หรือสปริงโปรเกรสซีฟดี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้และงบประมาณในกระเป๋า แต่สิ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือ คุณไม่ควรนำสปริงที่ไม่ตรงรุ่นรถยนต์มาใช้ และไม่ควรตัดสปริงให้สั้นลงให้โหลดรถให้เตี้ยลงเพราะการทำเช่นนั่นจะทำให้ค่า K ผิดเพี้ยนไป ความยืดหยุ่น การรับน้ำหนัก และประสิทธิภาพการทำงานก็จะแย่ลงตามไปด้วย
หากคุณต้องการเปลี่ยนโช้คอัพ ต้องการปรับช่วงล่างให้นุ่มนวล ขับสบาย หรืออยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องช่วงล่าง คุณสามารถสอบถามช่างผู้เชี่ยวชาญของ Profender ได้ที่ Facebook: Profendershox
บทความที่น่าสนใจ
สินค้าที่น่าสนใจ
EVEREST
Pickup/Suvs/Van
ALPHARD