เคยสงสัยหรือไม่ว่า มีโช้คอัพแล้วทำไมยังต้องมีสปริงอีก สามารถเข้าไปอ่านบทความ ความต่างของโช้คกับสปริงได้ที่นี่ แล้วระหว่างสปริงลินเนียร์ (Linear Spring) และสปริงโปรเกรสซีฟ (Progressvise Spring) แบบไหนหมาะกับการใช้งานของคุณมากกว่ากัน มาหาคำตอบที่บทความนี้เลย
สปริงทำหน้าที่อะไร
สปริงทำหน้าที่สำคัญคือ รองรับน้ำหนักรถ น้ำหนักบรรทุก และการสั่นสะเทือนของรถ เพื่อให้รถมีความมั่นคงและมีความนุ่มนวลในการขับขี่ สปริงมีให้เลือกหลายแบบ และคุณควรเลือกสปริงที่มีค่า K เหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม ทั้งด้านความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
ค่า K ของสปริงคืออะไร
ค่า K ของสปริง (Spring Rate) คือ ค่าความแข็งอ่อนของสปริงที่จะยุบตัวตามสัดส่วนของน้ำหนักรถที่กดทับลงมายังขดสปริง ซึ่งค่า K มีหน่วยวัดความแข็ง/อ่อน เป็น Kg./mm. (กิโลกรัมต่อมิลลิเมตร) หรือ Nm./mm (นิวตันเมตรต่อมิลลิเมตร)
ยิ่งค่า K มาก ตัวสปริงจะยุบตัวลงน้อย หรือก็คือมีค่าความแข็งมากกว่าสปริงที่มีค่า K น้อย ยกตัวอย่างเช่น 10K มีค่าเท่ากับ Kg./mm. หมายถึง เมื่อน้ำหนัก 10 กิโลกรัมกดทับลงบนสปริงตัวนี้ สปริงจะยุบตัวลงมา 1 มิลลิเมตร พูดง่าย ๆ ก็คือ K มาก = สปริงแข็ง ส่วน K น้อย = สปริงนิ่ม
ค่า K มาก = สปริงแข็ง | ค่า K น้อย = สปริงนิ่ม
สปริงมีกี่ประเภท มีจุดเด่นอะไรบ้าง
สปริงแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ สปริงลินเนียร์ (Linear Spring) และสปริงโปรเกรสซีฟ (Progressvise Spring) ซึ่งสปริงแต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกันดังนี้
สปริงลินเนียร์
สปริงลินเนียร์ (Linear Spring) หรือสปริงแบบธรรมดาทั่วไป คือสปริงที่มีระยะห่างระหว่างขดสปริงเท่ากันตลอดทั้งวง เช่น ระยะห่างของแต่ละขดห่างกัน 30 มม. ก็จะห่างเท่า ๆ กัน 30มม. ตลอดทั้งวง จุดเด่นของสปริงชนิดนี้คือ มีค่า K เดียว และราคาถูก
แต่หากพูดถึงข้อด้อยของสปริงลินเนียร์ คือ จะมีการยุบตัวได้น้อยกว่าสปริงอีกประเภทเมื่อมีแรงกดทับลงมา ดังนั้นตัวถังรถยนต์จะเคลื่อนที่มากกว่า ความนุ่มนวลในการขับขี่จึงลดตามไปด้วย เหมาะสำหรับรถที่ต้องการให้ช่วงล่างทำงานได้คงที่แม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง
จุดเด่นของสปริงลินเนียร์คือ มีค่า K เดียว และราคาถูก
สปริงโปรเกรสซีฟ
สปริงโปรเกรสซีฟ (Progressvise Spring) คือ สปริงที่ระยะห่างระหว่างขดไม่เท่ากัน สปริง 1 ตัวจะมีค่า K ถึง 2 ค่า หรือค่า K เพิ่มขึ้นตามการยุบตัว โดยสังเกตสปริงแบบโปรเกรสซีฟได้จากระยะห่างระหว่างแต่ละขดและเส้นผ่านศูนย์กลางของคอยล์สปริง เพราะแต่ละขดมีความกว้างและยาวไม่เท่ากัน
จุดเด่นคือ สปริงโปรเกรสซีฟให้ความนุ่มนวลได้มากกว่าสปริงอีกแบบ เพราะเมื่อโดนน้ำหนักรถยนต์กดทับ ตัวสปริงจะสามารถยุบตัวได้มากกว่า ตัวถังรถยนต์จึงเคลื่อนที่น้อยกว่า ห้องโดยรถขยับน้อยกว่า ความนิ่มนวลจึงสูงกว่ามาก เพราะค่า K เปลี่ยนไปตามการเคลื่อนที่ของล้อ เหมาะสำหรับรถโดยสารส่วนบุคคลที่ต้องการความนิ่มนวลสูง แต่ทั้งนี้ราคาค่าตัวของสปริงแบบโปรเกรสซีฟค่อนข้างสูงทีเดียว
จุดเด่นของโปรเกรสซีฟ คือ สปริงโปรเกรสซีฟให้ความนุ่มนวลได้มากกว่าสปริงอีกแบบ
สปริงโปรเกรสซีฟ Profender
สปริงโปรเกรสซีฟจาก Profender มีการคำนวณค่าแรงกด/แรงดึงของสปริงให้สามารถทำงานคู่กับค่าขากด/ขาดึงของโช๊คอัพได้อย่างพอดี ไม่แข็งหรืออ่อนยวบจนทรงตัวยาก
สปริงโปรเกรสซีฟจาก Profender มีค่า K ในขดเดียวกัน โดยค่า K น้อยจะทำงานในจังหวะที่ขับขี่บนถนนเรียบปกติ แต่หากบรรทุกน้ำหนักมากขึ้น ถนนมีความต่างระดับเยอะ ๆ เช่น คอสะพาน ลูกระนาด ค่า K แข็งจะทำหน้าที่รับแรงกดจากน้ำหนักของรถที่เพิ่มขึ้น ตัวถังรถยนต์จึงไม่ยุบยวบจนโคลงเคลงหรือเสียการทรงตัว
สปริงโปรเกรสซีฟจาก Profender ทำจากวัสดุคุณภาพสูง ลดปัญหาการทรุดตัวเมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน
หากคุณต้องการปรับสภาพช่วงล่างรถยนต์ใหม่ เพื่อให้การขับขี่และโดยสารมีความนุ่มนวลเป็นพิเศษในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะถนนทางเรียบ ถนนขรุขระ หรือแม้แต่ถนนที่มีความต่างระดับมาก ๆ ลองพิจารณาการเปลี่ยนสปริงใหม่เป็นสปริงโปรเกรสซีฟจาก Profender ที่มีราคาเพียง 9,999 บาท แล้วสมรรถนะและความนุ่มนวลจะเปลี่ยนไป!
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Profendershox
บทความที่น่าสนใจ
สินค้าที่น่าสนใจ
FORZA 300/350
HYUNDAI
BT50PRO