กันสะบัดนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นแบบ Universal ซึ่งสามารถปรับเลือกช่วงชักให้เหมาะสมกับ รุ่นรถ ที่ใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้ผลิตขายึดตรงรุ่น เนื่องจากลูกค้าแต่ละรายมักนำไปติดตั้งในตำแหน่งที่แตกต่างกันตามจุดยึดของรถแต่ละรุ่น

ใครๆที่ติดตาม Profender จะเห็นว่าช่วงหลังๆนี้เราพยายามจะออกโช้คอัพที่มาพร้อมคอล์ยสปริงด้วยเลย
สาเหตุก็มาจากความที่เราต้องการจะทำมันให้ Perfect เพราะการออกแบบดีไซด์ระบบช่วงล่างแบบที่ฝรั่งมักเรียกว่า Suspension มันคือ Shock+Coil Spring ที่ต้องทำงานร่วมกัน การออกแบบก็ต้อง matchกันเป็นอย่างดี จึงจะได้ช่วงล่างที่ออกมาเนียนและไม่เกิดปัญหาต่อการควบคุมรถ หรือย้วย หรือไม่ก็กระด้างเกินไปนั่นเอง
วันนี้ เราอยากแนะนำเข้าไปให้ลึกหน่อยกับ ภาษาช่างๆ ที่เราอาจจะได้ยินบ่อยๆ คือ Bottom out และ Topping out คือ อะไร และต่างกันยังไง และสาเหตุเกิดจากอะไร

1. Bottom out คือ การเกิดการกระแทกในช่วงระยะกดสุด ก็เกิดจากช่วงล่างกระแทกไปถึงระยะสุกช่วงชักของโช้คนั่นเอง
   สาเหตุ มันเกิดจากอะไรได้บ้าง?

• สปริง นุ่มจนเกินไป บางทีเกิดจากการออกแบบดีไซน์ บางทีเกิดจากสปริงล้า อันนี้ต้องไปดูให้ลึก
• โช้คอัพ ที่มีแรงต้านน้อยเกินไป หรือ damping ไม่พอ อันนี้ก็ทำให้รับแรงกดไม่พอจนกระแทกถึงสุดช่วงชัก
• การบรรทุกน้ำหนักในตัวรถมากเกินลิมิตไป ชนจนสุดช่วงชักได้เหมือนกัน
• การชนเข้ากับหลุมลึกแรงๆด้วยความเร็วHigh speed
  อาการจากสาเหตุพวกนี้จะส่งผลกับตัวรถยังไงบ้างล่ะ
• รถกระแทกสุด จากนั้นเสียการทรงตัว
• เกิดเสียงปัง!เมือระยะกดสุด
• การขับขี่ ความนุ่มนวลหายไป และ เกิดความเสียหายที่โช้ค หรือ สปริง หรือ bumpstop เกิดความเสียหายกับช่วงล่างก่อนเวลาLifetimeของมัน
• รถทรงตัวได้ไม่ดี
• ยางสึกช่วงขอบ
  ต่อไปเราไปดู topping out บ้าง

1. Topping out คือการกระแทกของช่วงล่าง แต่เป็นการกระแทกในช่วงยืดสุดช่วงล่าง
   สาเหตุล่ะ? อาจเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

• สปริง ที่แข็งจนเกินไป หรือ ออกแบบ สปริงสั้นจนเกินไป
• การออกแบบโช้คช่วง rebound ไม่เหมาะสม หรือไม่สามารถรั้งสปริงอยู่
• การขับขี่ในถนนขรุขระ หรือ เด้งแรงๆ
  แล้วอาการของ Topping out. รถมีอาการอย่างไร
• มีลักษณะ knocking sound เสียงก็อก เมื่อช่วงล่างเจอระยะยืดสุด
• รถทรงตัวไม่เสถียรและมีการกระเด้งหลังจากชนหลังเต่า
• ควบคุมรถยากช่วงถนนขรุขระ
  เมือเกิด topping out บ่อยๆ แล้วเกิด อะไรขึ้นอีก ?
• ช่วงล่างเริ่มทยอยเสียหายก่อนกำหนด เช่น หูยึดต่างๆ
• หรือโช้คอัพเสียหายก่อนอายุการใช้งาน
• การขับขี่ไม่นุ่มนวล หรือสูญเสียการทรงตัว
  หมั่นสั่งเกตุช่วงล่าง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน
  เราเชื่อมั่นว่า การทำทุกอย่างๆมีความรู้ จะทำให้ทุกๆอย่างดีขึ้น รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับทุกๆสิ่งรวมถึงรถที่คุณรักด้วย..

profender #BYD #DENZA #DeepalSO7 #alphard #toyota

ไม่สามารถใส่ร่วมกันได้ค่ะ เพราะถ้าเอาของ PCX150 ไปใส่ PCX 160 ตรงนี้ จะโดนเซ็นเซอร์ความเร็ว ที่อยู่ที่ครอบสายพานซ้ายมือ ทางโรงงานจึงไม่แนะนำให้ใส่ข้ามรุ่น และถ้าใส่ไปแล้ว จะไม่เข้าเงื่อนไขการรับประกันสินค้า

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับโช้คอัพมอเตอร์ไซค์ได้ที่นี่ และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

Ford Ranger Next generation ทำไมต้องใส่ Sway Bar Link?

รถที่ยกสูงหรือรถที่โหลดเตี้ย อาจจะไม่เหมาะที่จะใช้ ลูกหมากกันโคลงเดิม เพราะระยะจุดยืดที่เปลี่ยนไปจึงควรต้องใช้ลูกหมากกันโคลงที่สามารถปรับระยะความยาวได้ เพื่อให้เหมาะสมกับระยะความยาวได้ เพื่อให้เหมาะสมกับระยะตำแหน่งจุดยึดใหม่

สำหรับ Ford ranger next gen โช้คอัพถูกออกแบบให้ใช้งานความสูงรถสแตนดาจและสามารถยกขึ้น 2 นิ้วได้ ความยาวของโช้คจึงยาวขึ้นมากกว่าโช้คสแตนดาร์ดคู่รถ มีผลกับระยะจุดยึดของเหล็กกันโคลงเดิม จึงแนะนำให้เปลี่ยนลูกหมากกันโคลงเพื่อปรับระยะให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

Ford Ranger Next generation

ทำไมต้องใส่ Sway Bar Link?

รถที่ยกสูงหรือรถที่โหลเตี้ย อาจจะไม่เหมาะที่จะใช้ ลูกหมากกันโคลงเดิม เพราะระยะจุดยืดที่เปลี่ยนไปจึงควรต้องใช้ลูกหมากกันโคลงที่สามารถปรับระยะความยาวได้ เพื่อให้เหมาะสมกับระยะความยาวได้ เพื่อให้เหมาะสมกับระยะตำแหน่งจุดยึดใหม่

สำหรับ Ford ranger next gen โช้คอัพถูกออกแบบให้ใช้งานความสูงรถสแตนดาจและสามารถยกขึ้น 2 นิ้วได้ ความยาวของโช๊คจึงยาวขึ้นมากกว่าโช้คสแตนดาจคู่รถ มีผลกับระยะจุดยึดของเหล็กกันโคลงเดิม จึงแนะนำให้เปลี่ยนลูกหมากกันโคลงเพื่อปรับระยะให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

Ford Next Gen ช่วงล่าง 2WD ต่างจาก 4WD ยังไงมาดูกัน

ตัวอย่างรุ่นรถ Ford Next Gen ตัวโช้คขับ 2 ซับแท้งค์จะยื่นมาด้านหน้าด้านซ้ายและขวา แตกต่างกัน เพราะจุดยึดต่างกันในแต่ละด้าน (ขวาอยู่หน้า ซ้ายอยู่หลัง) ยางกันกระแทกรูปแบบโฟมจะมีความนิ่ม ทำให้ไม่เกิดการกระแทกรุนแรง หูโช้คยึดปีกนกมีน๊อตสองตัวยึด จะใส่ง่าย

Sway Bar Link หรือ เหล็กกันโคลง สามารถปรับสั้นยาว โดยมีจุดประสงค์ในการ เผื่อรถมีการเปลี่ยนปรับยก 2 ให้ระยะสั้นลง 5-10 mm. ที่จะช่วยให้ช่วงล่างไม่เกิดการกระแทกหรือมีเสียงดัง และช่วยให้อุปกรณ์ช่วงล่างกระชับมากขึ้น

โดยข้างต้น ตัวขับสองขับ 4 หน้าตาเหมือนกันโช้คหลังเหมือนกันแต่ไม่สามารถใส่โช๊คหน้าร่วมกันได้ เพราะมีความแตกต่างเรื่องสปริงที่เฉพาะตัวโดยจะมีรุ่น Queen และ OE 2.5 ที่ไม่ควรใส่สปริงโช๊คหน้าขับ 2 ร่วมกับขับ 4 ไม่ควรใส่ร่วมกันเนื่องจากน้ำหนักที่ไม่เท่ากันนั่นเอง

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

เพิ่มความนุ่มนวลด้วยยางโฟม: แนวทางใหม่ในการออกแบบระบบช่วงล่าง

ในรถนั่งทั่วไปจะมียางโฟมติดตั้งมาด้วย มีทั้งแบบที่ติดอยู่กับตัวโช้คอัพ และแบบติดตั้งแยก ในรถ suv และปิ๊กอัพรุ่นใหม่ๆในต่างประเทศก็เริ่มมียางโฟมติดตั้งร่วมด้วย เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล การทำงานของยางโฟมแตกต่างจากยางกันกระแทกสีดำที่เราเห็นติดตั้งในรถปิ๊กอัพทั่วไป ยางสีดำมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนเคลื่อนไหวในช่วงล่างเช่นปีกนก โช้คอัพ รับแรงตอนถูกกดลงจนสุด จะยันสุดที่ยางสีดำแทน แต่จะมีแรงสะท้อนกลับแรงจนรู้สึกกระแทกเพราะเนื้อยางไม่สามารถยุบตัวได้ ในรถที่โหลดจึงนิยมตัดยางกันกระแทกสีดำให้เตี้ยลงเพื่อให้มีช่วงกดเพิ่ม แต่ยางโฟมมีคุณสมบัติยืดหยุ่นตัวได้ดี มีแรงดันต้านการยุบตัวได้หลายค่าขึ้นอยู่กับรูปร่างและค่าความแข็งยาง ยางโฟมแตกต่างจากสปริงคือไม่มีแรงดันสะท้อนกลับแรงแบบสปริงจึงเหมาะสมที่จะติดตั้งไว้ช่วยรับแรงกระแทกตอนช่วงล่างยุบตัว

โช้คอัพโปรเฟนเดอร์ ออกแบบให้ทำงานร่วมกับยางโฟม ในขณะที่วิ่งถนนปกติ ค่าความหนืดขณะยุบตัวของโช้คอัพจะทำงานอย่างเดียว จะได้ความนุ่มนวลขณะขับขี่ ในช่วงที่ช่วงล่างมีการยุบตัวลงมากลงจะเริ่มกดยางโฟมและเสริมแรงต้านการกดลง ยิ่งกดลงมากก็จะยิ่งมีแรงเสริมมากขึ้น และกดลงได้สุดถึงระยะหนึ่งก็จะทำงานเหมือนยางกันกระแทกสีดำ คือป้องกันการกระแทกของชิ้นส่วนช่วงล่างอื่น เพราะไม่สามารถยุบตัวลงได้แบบฟองน้ำอีก ถ้าหากมีการตัดยางโฟม อาจจะทำให้ระยะที่ยางโฟมจะเริ่มทำงานช้าลงและมีระยะช่วยต้านแรงกดลงได้น้อยลง ที่สำคัญคือความสูงของยางเมื่อตอนกดสุดสั้นลง จากเดิมที่เคยมีความยาวพอที่จะกันชิ้นส่วนอื่นไม่ให้รับแรงกระแทก ก็จะสั้นเกินไปทำให้โช้คอัพหรือส่วนอื่นยันกระแทกแทน สำหรับรถโหลดต่ำลงหนึ่งนิ้ว ไม่แนะนำให้ ตัดยางโฟม เพราะ ปกติการโหลดทำให้ช่วงชักการกดลงน้อยลงอยู่แล้ว ยิ่งต้องการให้แตะยางโฟมเร็วขึ้นเพื่อเสริมแรงรับแรงกระแทกร่วมกับโช้คอัพให้เร็วขึ้น หยุดตัวรถไม่ให้กระแทกจนสุดช่วงชักได้เร็วกว่าปกติ

ทางโปรเฟนเดอร์เลือกที่จะออกแบบให้โช้คอัพทำงานร่วมกับยางโฟม เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ดีออกแบบมาเหมาะสมดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปตัดหรือดัดแปลงยางโฟม โดยปกติโดยทั่วไปอาจจะมีความเข้าใจผิดระหว่าง ยางกันกระแทกสีดำที่ติดในรถปิ๊กอัพ กับยางโฟมที่ติดในรถนั่ง จึงคิดว่าจำเป็นต้องตัดยางโฟมออกถ้ามีการโหลดรถลง แต่มีบางกรณีที่ยางโฟมมีความแข็ง หรืออ่อนเกินไปไม่เหมาะสมกับการออกแบบโช้คอัพ ก็จะมีการแนะนำให้เปลี่ยนหรือดัดแปลง ทางบริษัทได้ ตระหนักถึงกรณีดังกล่าว ณ ปัจจุบัน จึงได้ปรับเพิ่มเติมคำแนะนำเรื่อง ยางโฟม ลงไปใน คู่มือการติดตั้ง ของผลิตภัณฑ์

ดูโช้คอัพโปรเฟนเดอร์ สำหรับรถ Hyundai Staria ที่ใช้ทำงานร่วมกับยางโฟม และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

วิธีปรับโช้ค Profender Fitz ทุกรุ่น ง่ายๆ

สำหรับโช้คหน้า

เปิดฝากระโปรงหน้า เช็คที่หัวปรับโช้คอัพให้อยู่ในตำแหน่งเบอร์ 1 (นิ่มที่สุด) โช้คมีทั้งหมด 16 เบอร์ โดยหมุนหัวปรับโช้คทวนเข็มนาฬิกาให้สุด (เป็นการตั้งค่าให้อยู่ในระดับเริ่มต้น) และเริ่มปรับตามเข็มนาฬิกาไปตำแหน่งเบอร์ 8 คือเบอร์กลาง (แนะนำ) หากต้องการปรับให้ขับขี่นิ่มนวลมากขึ้นสามารถปรับตัวเลขลดลงมา 

สำหรับโช้คหลัง

โช้คจะอยู่ที่ข้างล้อ โดยวิธีการปรับจะมีเบอร์ระดับความนุ่มนวลเช่นเดียวกันกับโช้คหน้า โดยหมุนเบอร์ให้ตรงกับลูกศรที่ชีไปเลขนั้นๆ ปรับไปที่เบอร์ 8 เช่นกัน (แนะนำ) หากเน้นขับช้าๆ นิ่มนวลขับขี่ในเมืองแนะนำให้ปรับลงมาที่ เบอร์ 7,เบอร์ 6 ,เบอร์ 5 จนถึงเบอร์ 1 ตามความต้องการ

หากท่านใดขับขี่ชอบความรวดเร็ว 120-140 Km /Hr สามารถปรับขึ้นมากกว่าเบอร์ 8 ได้ เป็นเบอร์ 9 ,เบอร์ 10 จนถึง เบอร์ 16 จะทำให้รถเลี้ยวโค้งได้หนึบมากขึ้น แต่จะมีความสะเทือนหากขับขี่ที่ช้า

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

6 วิธีการปรับโช้ค Fitz สำหรับ HAVAL H6

การปรับระดับโช้คอัพรุ่น Fitz ของโปรเฟนเดอร์ สำหรับรถยนต์ Havel รุ่น H6 GWM โดยเฉพาะนั้น ทำได้ดังนี้

1. ถ้าอยากให้นุ่ม ให้ปรับเป็นเบอร์ต่ำลง มีเบอร์นุ่ม-แข็ง ทั้งหมด 16 เบอร์
2. โช้คอัพเบอร์ 8 เป็นกลาง
3. ถ้าชอบนุ่มให้ปรับเป็นเบอร์ต่ำลง เช่น 6/6 หรือ 4/4 ถ้าชอบนุ่มมากๆ สามารถปรับได้ถึงเบอร์ 1 หรือ 2 ได้เลย
4. แต่ถ้าบางท่านที่ต้องการ control รถได้ดี แต่ยังต้องการความนุ่มด้านหลัง แนะนำให้ปรับตัวหน้ามากกว่าตัวหลัง 1-2 เบอร์ เช่น หน้า 6 หลัง 4 เป็นต้น
5. ถ้าขับไกลหรือสัมภาระเยอะ ชอบแบบเฟริมให้ปรับเป็น 8 ระดับ ขึ้นไป
6. ถ้าวิ่งเร็วมากๆ แบบ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไป หรือเข้าโค้งเยอะๆ แนะนำโช้คอัพเบอร์ 10

อ่านเรื่อง โช้คอัพ Fitz เพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox

วิธีการปรับและปรับให้ถูก

การปรับ พรีโหลดสปริง ง่ายๆ ด้วยตัวเองให้ฟิลลิ่งดีถูกใจผู้ขับขี่กับเคล็ดลับการเลือกสปริง

1. ก่อนจะปรับตั้งควรรู้ว่าโช้คที่ใช้งานอยู่มีความยาวเท่าไหร่ เป็นโช้คสแตนดาร์ด(ยาว 350 MM.) หรือโช้คโหลด
2. การปรับสปริงคือการขันสตรัทปรับเกลียว ถ้าปรับลงโช้คจะแข็งขึ้น เเต่ถ้าคลายออกรถก็จะเตี้ยลง เเต่มีระยะยืดเยอะขึ้น
3. วิธีการปรับพรีโหลดให้ผู้ขับขี่เป็นคนตั้ง เช่น เจ้าของหนัก 100 กิโล ทำให้โช๊คสแตนดาร์ดย่อลงเหลือยาว 310 MM. ซึ่งจะยุบหรือยืดไม่ควรเกิน 20-35 MM. คืออัตราการยืดหดที่ถูกต้อง

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook: Profendershox